ปกติผู้เขียนจะซื้อของออนไลน์จาก Shoppe และ LAZADA เท่านั้น เพราะไม่ค่อยไว้ใจในการซื้อของออนไลน์จากที่อื่น
วันหนึ่งเห็นการประชาสัมพันธ์ทางเฟสบุ๊คว่าบริษัทญี่ปุ่นได้ผลิตพัดลมไอเย็น โดยจะเปิดตัวขายในประเทศไทย และตั้งราคาขายในราคาประมาณ ๒,๐๐๐ บาท
แต่เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การเปิดตัว จึงขายเพียงเครื่องละ ๙๙๐ บาท ซื้อ ๑ เครื่อง แถม ๑ เครื่อง ทั้งนี้ ในเฟสบุ๊คดังกล่าวมีลิงก์เพื่อให้ลูกค้าได้สั่งซื้อพัดลมไอเย็นด้วย
ปกติไม่กดลิงค์แปลกๆ หรือลิงค์ของแถมหรือของฟรีหรอกครับ เพราะกลัวมิจฉาชีพหลอกดูดเงิน แต่ลิงค์นี้เป็นการสั่งซื้อสินค้า ประกอบกับพัดลมไอเย็นนี้ราคาก็ไม่แพง จึงสั่งซื้อโดยวิธีชำระเงินปลายทาง
หลายวันผ่านไปก็มีโทรศัพท์มาสอบถามเพื่อให้ยืนยันการสั่งซื้อพัดลมไอเย็น พร้อมตรวจสอบที่อยู่ของผู้เขียนด้วย
เผอิญอีก ๓-๔ วัน หลังจากนั้น กำลังเตรียมเดินทางไปปีนัง จึงโทรศัพท์ไปที่หมายเลขโทรศัพท์นั้นแต่ไม่มีผู้ใดรับสาย จึงส่งข้อความแจ้งไปว่าอย่าเพิ่งส่งของให้ในช่วงเวลานั้น
กลับจากปีนังหลายวันแล้วแต่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ขายพัดลมไอเย็น เข้าใจว่าคงไม่ขายแล้ว ผู้เขียนก็ไม่ได้ติดตามทวงถามและลืมเรื่องนี้สนิท
อยู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งแห่งหนึ่งมาส่งกล่องๆ หนึ่งที่บ้าน พร้อมทั้งขอเก็บเงิน ๙๙๐ บาท ด้วย เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายกล่องไว้
ตอนแรกก็นึกไม่ออกหรอกครับว่าสั่งของสิ่งใดไป เพราะส่วนใหญ่การสั่งของแล้วได้รับของในเวลาไม่นานนัก ยกเว้นสินค้าที่ส่งตรงจากจีน ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๑๕ วัน อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินที่เก็บ ๙๙๐ บาท ทำให้นึกได้ว่าเคยสั่งซื้อพัดลมไอเย็นไป ๒ เครื่อง
แต่สังเกตดูกล่องที่ส่งมานั้นเป็นกล่องเล็กนิดเดียว ไม่น่าเป็นพัดลมไอเย็น ๒ เครื่อง ไปได้ ในขณะนั้นก็คิดวิเคราะห์ไปหลายๆ ประการ
ประการแรก อาจเป็นพัดลมไอเย็นขนาดจิ๋ว ๒ เครื่อง จริงก็ได้ แต่ขนาดเล็กอย่างนั้น คงใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก
ประการที่สอง ภายในกล่องอาจมีของบางอย่างซึ่งไม่มีราคาค่างวด ซึ่งมิจฉาชีพอาจหลอกให้ชำระเงิน
ประการที่สาม ของภายในอาจเป็นของผิดกฎหมาย หากรับแล้วอาจมีรายการตบทรัพย์ก็ได้ เพราะเคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้อยู่บ่อยๆ
เมื่อคิดวิเคราะห์ถึงได้-เสียแล้ว จึงได้ปฏิเสธการรับของดังกล่าวนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ส่งของก็ได้นำกล่องเล็กนั้นกลับไป
สักครู่ก็มีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามถึงการไม่รับของ แต่แทนที่เป็นบุคคลพูดกลับเป็นเทปเสียง ซึ่งแจ้งให้กดหมายเลข ๑ ไม่รับของ และหมายเลข ๒ หากเปลี่ยนใจรับของ โดยผู้เขียนไม่มีโอกาสได้คุยโต้ตอบด้วย ผู้เขียนจึงกด ๑ แล้วเรื่องก็เงียบหายไป
โดยที่ในปัจจุบันมิจฉาชีพได้พยายามทุกรูปแบบในการหลอกลวงสุจริตชน จึงต้องระมัดระวังทุกๆ อย่าง
ปกติก็ไม่กล้ากดลิงค์ที่ไม่รู้จักอยู่แล้ว แต่ในกรณีนี้เป็นการประชาสัมพันธ์ทางเฟสบุ๊ค จึงขาดความรอบคอบไป
เมืองไทยระยะนี้อยู่ยากมากยิ่งขึ้นทุกวันครับ เพราะมิจฉาชีพพยายามหลอกเอาเงิน โดยมีวิธีการหลอกล่อและหลอกลวงทุกรูปแบบทั้งโทรศัพท์ สิ่งของและลิงค์ต่างๆ
ผู้เขียนเห็นว่าบทลงโทษมิจฉาชีพบ้านเราน้อยไป น่าต้องเพิ่มโทษให้รุนแรงและเด็ดขาดมากขึ้น ดังเช่นนานาประเทศเขาทำกัน อาจทำให้มิจฉาชีพมีความกลัวในการกระทำดังกล่าว ดูตัวอย่างของจีนจากภาพครับ
ดังนั้น ประชาชนก็คงต้องช่วยตัวเอง โดยการระวังตัวทุกฝีก้าว เพื่อไม่ให้โดนหลอก และเสียเงินโดยไม่จำเป็นด้วย
ก็ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ
พุธทรัพย์ มณีศรี
Number of View :49